กิจกรรมรณรงค์ “พนันเป็นสิ่งเสพติด” ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ “เพื่อนช่วยเพื่อนเลิกพนัน”


กิจกรรมรณรงค์ “พนันเป็นสิ่งเสพติด” ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ “เพื่อนช่วยเพื่อนเลิกพนัน”
วันที่โพสต์ : 2023-11-28

วันที่ 29 พ.ย. 2566 ที่จามจุรีสแควร์ สามย่าน  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนันจัดกิจกรรมรณรงค์ “พนันเป็นสิ่งเสพติด” ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ “เพื่อนช่วยเพื่อนเลิกพนัน” เผยประสบการณ์เหยื่อพนัน และแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ติดพนัน  พร้อมการจัดนิทรรศการ กิจกรรมเรียนรู้ และการแสดงของเยาวชน

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันกล่าวว่า “ขณะนี้มีคนไทยมีความเสี่ยงที่จะเป็นผู้ติดพนันราว 6.66 ล้านคน จากการประมาณการของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  โดยการพนันที่มีสัดส่วนของผู้เสพติดมากที่สุด คือ กาสิโนออนไลน์ รองลงมาคือหวยรายวัน เช่น หวยเพื่อนบ้าน หวยหุ้น หวยยี่กี  อันดับสามคือ การพนันฟุตบอล  ตามด้วยอันดับสี่ การเล่นพนันในบ่อนออนไซต์ต่าง ๆ และอันดับห้า ได้แก่ หวยใต้ดินและสลากกินแบ่งรัฐบาล” 

“อาการที่สำคัญของผู้เสพติดพนัน คือ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยังไงก็ต้องเล่นพนัน ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าสุดท้ายตนจะต้องเสียเงินเป็นพันเป็นหมื่นหรือเป็นแสนเป็นล้าน และจะมีผลกระทบอื่น ๆ ตามมาอีก คนติดพนันจึงเหมือนคนต้องคำสาปที่ต้องพาตัวเองเดินเข้าไปให้ธุรกิจพนันเฆี่ยนตี  เจ็บซ้ำแล้วซ้ำอีก รู้ทั้งรู้ถึงผลที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธมันได้เพราะเสพติด  มีชีวิตที่ดิ่งลงเรื่อย ๆ เหมือนถูกดูดลงไปในวังน้ำวน พวกเขาอยู่สภาพที่ย่ำแย่ เครียด และไม่มีความสุข เพราะสูญเสียแทบทุกสิ่งอย่าง ทั้งทรัพย์สิน  ชีวิตครอบครัว และความเคารพที่ไม่มีเหลือให้ตัวเอง  เป็นภัยที่ซ่อนเงียบอยู่ในสังคม”

“สิ่งสำคัญที่ต้องเร่งมือทำ คือ การให้ความสนับสนุนช่วยเหลือให้พวกเขาแข็งแรงพอที่จะหักดิบไม่เล่นพนันได้ และยืนระยะได้ยาวนานพอจนเชื่อได้ว่าจะไม่หวนกลับไปหามันอีก ซึ่งจำนวนหนึ่งมีโอกาสไม่รอด จึงต้องการการประคับประคองและเป็นกำลังใจของคนรอบข้างโดยเฉพาะครอบครัว ซึ่งก็ต้องใช้ความพยายามและการอดทนที่สูงมาก ต้องแยกความป่วยไข้จากการติดพนันออกจากคนที่เป็นที่รักของเรา  กว่าที่จะผ่านช่วงของการถอนพนันได้อาจใช้เวลานานหลายเดือนหรือเป็นปี    รัฐบาลจึงควรสนับสนุนให้มีบริการเพื่อช่วยเหลือผู้ติดพนัน โดยเก็บภาษีจากกิจการพนันที่มีอยู่  ทั้งภาษีจากผู้ประกอบการ และภาษีจากผู้ได้รางวัล  เช่น  จัดสรรเงินจากกิจการสลากฯสัก 1-3% มาเป็นงบประมาณในการลงทุนบริการนี้ รวมทั้งการเก็บภาษีจากผู้ถูกรางวัลใหญ่ เช่น รางวัลที่ 1 อาจเก็บไม่เกิน 10%  รัฐบาลจะมีรายได้หลักพันล้านบาท แบ่งเพียงส่วนเดียวมาทำงานด้านนี้ ที่เหลือสามารถนำไปทำงานด้านอื่นได้มากมาย” นายธนากรกล่าว

กิจกรรมในงาน

การแสดง ชุด “คนล้มลุก”

การเสวนา “แค่ให้ใจก็เลิกได้”

จุลนิทรรศการ “เพื่อนช่วยเพื่อนเลิกพนัน”

บูธกิจกรรมวัดใจ “วัดกันมั้ยติดหรือไม่?”

มุมเพื่อนเปิดใจ “ให้ใจไหลมารวมกัน” 

 

#พนันเป็นสิ่งเสพติด