สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้มอบหมายให้มูลนิธิรณรงค์หยุดพนันสนับสนุนเครือข่ายชุมชน 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลำปาง น่าน พะเยา กาฬสินธุ์ สุรินทร์ อุบลราชธานี เลย สระบุรี พัทลุง และกรุงเทพมหานคร ดำเนินโครงการ “๙สู่ชีวิตพอเพียง” มานับแต่ปี พ.ศ.2560 เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนดำเนินชีวิตตามแนวทางของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ถวายเป็นปฏิบัติบูชาต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร และอาศัยแนวทางนี้รณรงค์ให้ลดละเลิกการพนัน
กิจกรรมสำคัญของโครงการคือ การจัดกิจกรรมเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม (participatory learning) ของครอบครัวต้นแบบในชุมชน จังหวัดละ 50 ครอบครัวอย่างต่อเนื่อง เน้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็น โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้าง“การระเบิดจากข้างใน” แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ ให้ค้นพบปัญหาหรือความต้องการ พร้อมแนวทางการแก้ปัญหาด้วยตนเอง จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับผู้เข้าร่วมโครงการรายอื่น ๆ
นับเป็นก้าวแรกของการรณรงค์หยุดพนันในมิติของพื้นที่ชุมชน ผลลัพธ์ของโครงการระยะที่หนึ่ง ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และบทเรียนเด่น ๆ ของผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากทั้ง 10 จังหวัด ออกเป็นมา “50 เรื่องเล่าของคนต้นแบบลดละเลิกพนัน” (จังหวัดละ 5 กรณี) เพื่อนำเสนอต่อสาธารณะ และนำมาสู่การพัฒนาโครงการ “๙ ต่อไปสู่ชีวิตพอเพียง” (2561-62) ที่ยังคงดำเนินการกับเครือข่าย 10 จังหวัดเดิมแต่มีหมุดหมายการดำเนินงานชัดเจนมากขึ้น ด้วยข้อมูลจากการสำรวจสถานการณ์การพนันในสังคมไทย ของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปี 2560 ที่ชี้ชัดว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดิน คือการพนันสองอันดับแรกของคนไทยในทุกภูมิภาค มีผู้เล่นทั้งสิ้นมากกว่า 25 ล้านคน (เป็นผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล 21 ล้านคน และผู้ซื้อหวยใต้ดิน 17 ล้านคน และบางคนซื้อทั้งสองชนิด) และมีปริมาณเงินรวมของการซื้อหวยทั้งสองชนิด ถึง 250,000 ล้านบาท/ปี (จากรายงานของศูนย์ customer insight ธนาคารTMB ปี 2561) ทำให้การดำเนินการในระยะที่สองนี้มุ่งไปที่การลดละเลิกการเล่นหวยในชุมชนเป็นประเด็นสำคัญ ด้วยแนวทางการรณรงค์ “เปลี่ยนเงินหวยเป็นเงินออม” ที่ยังคงเน้นกระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมเช่นเดิมในเนื้อหาที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น คือ
ผลลัพธ์ของโครงการระยะที่สองนี้ ถูกสังเคราะห์เป็น “บทเรียนคนสู้หวย” จาก 45 บุคคลต้นแบบจาก 9 จังหวัด (ไม่นับรวมกรุงเทพมหานคร) ที่ค้นพบมิติของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการ “ตกผลึก”แล้วนำมาสู่การ “ระเบิดจากข้างใน” เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า “ฮู้ (รู้) สู้หวย” ใน 5 มิติ คือ
กระบวนการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้นำมาสู่การ “ลด-ละ-เลิกเล่นหวย” ในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งรูปธรรมของวิธีการปฏิบัติ และรูปธรรมของตัวบุคคลผู้สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตนเอง
โครงการทั้ง 2 ระยะถือเป็นการเริ่มต้นปฏิบัติการรณรงค์ลดละเลิกพนันด้วยกระบวนการชุมชน จากการรณรงค์ลดละเลิกพนันในภาพรวม เจาะจงมาที่การพนันที่มีผลกระทบสูงต่อสังคม คือ “หวย”
กล่าวได้ว่า ปัจจัยความสำเร็จของการดำเนินการขึ้นอยู่กับ “ 3 พลัง” สำคัญ คือ
หนึ่ง “พลังศรัทธา” ที่ประชาชนไทยมีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9
สอง “พลังการเรียนรู้” เน้นหนักที่การเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมเพื่อการรู้เท่าทันการพนัน (หวย)
สาม “พลังชุมชน” โดยเน้นปฏิบัติการในบริบทชุมชน ด้วยพลังของผู้นำและอาสาสมัครชุมชน
ด้วยจุดแข็งของเครือข่าย 9 จังหวัดมีความเชี่ยวชาญในการจัดกระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม (PL) การใช้หัวข้อและเนื้อหาการเรียนรู้ชุดเดียวกันที่ถูกออกแบบให้เหมาะกับความเชี่ยวชาญของเครือข่าย ทำให้เครือข่ายสามารถทำงานได้ง่ายและมีทิศทางไปในทางเดียวกัน การมีประเด็นร่วมแบบ “Big Campaign” ทำให้การสื่อสารรณรงค์มีความเป็นเอกภาพ และ“คนต้นแบบ” จาก 2 ระยะที่ผ่านมาก้าวเข้ามาร่วมเป็นแกนนำการรณรงค์หยุดพนันในพื้นที่
สถานการณ์โควิด 19 กับประเด็นรณรงค์หยุดพนันในชุมชน
สถานการณ์โควิด 19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในทุกระดับ ผลสำรวจของสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ระหว่างวันที่ 12-15 พฤษภาคม 2563 พบว่าในช่วงที่เผชิญกับสถานการณ์โควิด ประชาชนไทย 25.16% มีรายได้ประจำลดลง 35.38% มีรายได้พิเศษลดลง 27.91% มีเงินออมลดลง และ 25.07% มีหนี้สินเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ผลสำรวจนี้ยังพบว่า ในช่วงแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 นี้ทำให้ประชาชนไทยมีค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ลดลงเช่นกัน อาทิ ค่าเสื้อผ้า ค่าท่องเที่ยวพักผ่อน ค่าเครื่องประดับ และค่าเสี่ยงโชค ซื้อล็อตเตอรี่ เล่นหวย ซึ่งคิดเป็น 38.67% ของผู้ตอบทั้งหมด
ในอีกด้านหนึ่ง สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ได้รายงานพฤติกรรมการออมของคนไทยผ่านข้อมูลบัญชีเงินฝากธนาคาร เมื่อเดือนธันวาคม 2562 อันเป็นช่วงที่กำลังจะเข้าสู่การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 พบว่า ครัวเรือนไทยมีสภาพคล่องไม่เพียงพอรองรับความต้องการใช้จ่ายในเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยคนไทย 58% มีเงินในบัญชีเงินฝากไม่เพียงพอกับค่าครองชีพรายเดือน (เฉลี่ยประมาณ 6,345 บาท/เดือน) เฉพาะภาคอีสานมีครัวเรือนที่อยู่ในภาวะนี้ถึง 70% ขณะที่กทม. มีถึง 44% นอกจากนั้นยังพบว่า คนไทย 50% มีเงินฝากบัญชีไม่ถึง 3,000 บาท 33% มีเงินในบัญชีไม่ถึง 500 บาท
จากสถานการณ์ข้างต้น นำมาสู่การดำเนินโครงการในระยะที่ 3 (62-64) ที่ยังคงยึดถือแนวปฏิบัติเดิม คือ การสร้างการเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม (PL) ผ่านกิจกรรมสำคัญ คือ
โดยมีเป้าหมายที่ครอบครัวใน 50 ชุมชนใน 10 จังหวัดเครือข่ายเดิม คาดหวังให้เกิดผลการปฏิบัติของชุมชนในการรณรงค์ให้เกิดการลด ละ เลิกเล่นพนัน เกิดเรื่องเล่าความสำเร็จของบุคคลที่สามารถลดละเลิกการเล่นพนันได้จริง
ผลการดำเนินโครงการในระยะที่ 3 เกิดข้อค้นพบที่น่าสนใจ 9 ประการ คือ
..........................................................
ทั้งหมดที่กล่าวมานำมาสู่การจัดแสดงผลงานการรณรงค์หยุดพนันในชุมชน ภายใต้โครงการ “๙สู่ชีวิตพอเพียง” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอบทเรียนและผลงานการดำเนินการรณรงค์หยุดพนันโดยเครือข่ายชุมชน
การแสดงผลงานประกอบด้วย
โดยมีรายละเอียดตามกำหนดการ ดังนี้
กำหนดการงานแสดงผลงานการรณรงค์หยุดพนันในชุมชน
“โครงการ ๙ สู่ชีวิตพอเพียง”
วันที่ 17 มิถุนายน 2565 ณ โรงเรียนบ้านหนองคูน้อย ตำบลเมืองแก อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
08.30-09.00 น. ลงทะเบียนผู้เข้าร่วม
9.00-10.00 น. ชมนิทรรศการ และตลาดนัดการออมของชาวชุมชนหนองคูน้อย
10.00-10.30 น. ผู้แทนสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
กล่าวแนะนำแนวทางการดำเนินการของ สสส.
พิธีเปิด โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์*
10.45-10.55 น. การแสดงชุด “สุรินทร์สามเผ่า” โดยนักเรียนโรงเรียนบ้านพิงพวย
11.00-11.30 น. นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน
นำเสนอบทเรียนการดำเนินโครงการ “๙สู่ชีวิตพอเพียง”
11.30-12.00 น. ละครสร้างการเรียนรู้ “คนเล่นหวย” โดย ทีมเยาวชนรณรงค์หยุดพนัน
12.00-13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
13.00-13.30 น. พิธีกรภาคสนามพาชม “ตลาดนัดเครือข่าย”
13.30-13.45 น. การแสดงชุด “คนทรงเจ้า” โดยเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน
13.45-14.15 น. สัมภาษณ์ “เจ้ามือกลับใจ”
14.15-14.30 น. การแสดงเพลงรำวง “รู้ทันหวย” โดยเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน 9 จังหวัด
14.30-15.00 น. การเสวนา “ความสุขของคนทำงานสร้างความตื่นรู้สู้พนัน”
14.45-15.00 น. การแสดงเพลงรำวงผู้สูงอายู / กล่าวคำอำลา
-เสร็จกิจกรรม-