ครั้งแรกติดใจครั้งต่อไปติดพนัน



องค์การอนามัยโลกประกาศว่า การติดพนันเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง คล้ายการติดสารเสพติด ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน รายงานว่า 1 ใน 5 ของผู้พนันในปี 2564 ประเมินตนเองว่า “ติดพนัน” คือ เล่นมาก เล่นบ่อย เล่นต่อเนื่อง เลิกไม่ได้ จนก่อให้เกิดปัญหา ในจำนวนนี้เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิงและเป็นกลุ่มเปราะบาง ทั้งเด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุกว่า 1 ล้านคน

นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ อดีตนายกสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย และที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การพนัน เป็นโรคทางสมองอย่างหนึ่ง ยิ่งเล่นยิ่งติด ยิ่งกระตุ้นสมองส่วนกลางให้มีพฤติกรรมการอยากเข้าไปเล่นมากยิ่งขึ้นจนไปมีอำนาจเหนือสมองส่วนคิด จนขาดความยับยั้งชั่งใจ ไม่มีความลังเลในการเข้าสู่การเล่นพนัน จนมาถึงจุดที่ไม่มีคำว่าพอ ถึงแม้ว่าจะหมดตัว มีปัญหากับครอบครัว หน้าที่การงาน กู้ยืมจนเป็นหนี้ หรือเกิดการลักขโมย เพื่อให้ได้เงินมาเล่นพนัน คล้ายกับยาเสพติด ยิ่งเสพยิ่งติด ยิ่งเสพยิ่งส่งผลเสียต่อร่างกาย ขาดการยับยั้งชั่งใจ หากมีอาการเหล่านี้ถือว่าติดการพนัน โดยกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเข้าวงจรพนันคือ กลุ่มเด็ก และเยาวชน เพราะขาดความตระหนักรู้ ยังรู้ไม่เท่าทันพิษภัยของพนัน จะต้องป้องกันตั้งแต่ต้น เพราะแม้ว่าจะติดง่ายกว่า แต่รักษาได้ไวกว่าผู้ใหญ่ที่ติด แต่หากไม่ป้องกัน จะเกิดการบ่มเพาะตั้งแต่วัยเยาว์ ส่งผลให้เป็นผู้ใหญ่ที่ติดพนันที่รุนแรงได้ ผู้ปกครองต้องเข้าใจ รับฟัง

 

#พนันเป็นสิ่งเสพติด